‘MEA เจิดจ้า’
ท้าชนพี่ ๆ มาสคอตระดับโลก
เวลาพูดถึงมาสคอต หลายคนคงนึกถึงภาพตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ ที่มีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์สินค้า องค์กรหรือเทศกาลใดเทศกาลหนึ่ง แต่รู้หรือไม่ว่ามาสคอตมีความสำคัญกว่านั้นมาก
มาสคอตไม่ได้มีหน้าที่แค่สร้างสีสันเท่านั้น หากมีกลยุทธ์ที่ดีสามารถสร้างคุณค่าอย่างมหาศาล หลาย ๆ องค์กรชั้นนำระดับโลกใช้มาสคอตในการสร้างแบรนด์ สร้างภาพจำ สร้างความรู้สึกที่ดีกับลูกค้าหรือผู้รับบริการ
มิชลิน มาริโอ้ คุมะมง แมคโดนัลด์ ฯลฯ หรืออย่างของไทยก็ โก๋แก่ บาบีกอน ก็อตจิ น้องอุ่นใจ เป็นต้น แค่เห็นตัวมาสคอต ชื่อแบรนด์ก็โผล่ขึ้นมาในสมองทันที แถมด้วยความรู้สึกที่เรามีต่อแบรนด์นั้น ๆ
มาสคอตยังอาจเป็นศูนย์รวมใจ สร้างความกลมเกลียวให้พนักงาน ต่อยอดไปถึงการประชาสัมพันธ์ การจัดทำโปรโมชัน เรียกว่าสร้างขึ้นมาแล้วนำไปสร้างสรรค์ได้ไม่รู้จบ
ในโอกาสที่การไฟฟ้านครหลวง กำลังมีมาสคอตชื่อ ‘MEA เจิดจ้า’ เราอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักมาสคอตตัวนี้ พร้อม ๆ กับไปดูว่าองค์กรที่สร้างมาสคอตประสบความสำเร็จ เขามีกลยุทธ์อย่างไร
มาสคอต คือตัวแทนความรู้สึกที่ส่งออกไป
นักการตลาดเรียกกลยุทธ์การสร้างมาสคอต ว่า Character Marketing เกิดขึ้นมานานเป็นร้อยปีแล้ว
คำว่า ‘Mascot’ มีรากเหง้ามาจากฝรั่งเศส แปลว่าตัวนำโชค เล่ากันว่าผู้คนรู้จักคำนี้เป็นครั้งแรกจากละครโอเปราฝรั่งเศสชื่อ La Mascotte เป็นเรื่องของเกษตรกรชาวอิตาลีผู้ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นจนกระทั่งได้พบกับหญิงสาวผู้นำโชคลาภและสิ่งดี ๆ เข้ามา ต่อมาใช้แพร่หลายในวงการกีฬา และแวดวงธุรกิจ ขยายวงกว้างไปทั่วโลก
จุดประสงค์หลักของมาสคอตคือการเสริมสร้างเอกลักษณ์ ทำให้แบรนด์สินค้า สโมสรหรือองค์กรเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะการสร้างภาพลักษณ์ในแง่อารมณ์ความรู้สึก เช่น น่ารัก เป็นมิตร สนุกสนาน ตลก
เพราะมาสคอตมีความเป็นตัวการ์ตูน จึงสามารถสื่อสารให้แบรนด์มีอารมณ์ มีชีวิตจิตใจ ใกล้เคียงกับมนุษย์ ได้มากกว่าโลโก้สินค้า เหมือนเป็นทูตหรือพนักงานอีกคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับเราได้
นักการตลาดสรุปข้อดี 4 ข้อของการมีมาสคอต ได้แก่
- ทำให้จดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
มาสคอตมีความคล้ายมนุษย์ จึงทำงานกับความรู้สึกของคน เมื่อผู้คนเห็นตัวมาสคอตของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้แบรนด์นั้นเข้าไปอยู่ในความทรงจำโดยอัตโนมัติ เมื่อนึกถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการเมื่อไร ก็จะนึกถึงแบรนด์ที่มีมาสคอตโดดเด่นเป็นลำดับแรก เช่น เมื่อพูดถึงบาร์บีคิว พลาซ่า ทุกคนก็จะนึกถึงเจ้ามังกรสีเขียว บาบีกอน ทันที
- ทำให้คนรู้สึกเป็นมิตรกับแบรนด์
ลองนึกภาพตัวหุ่นมาสคอตเดินมาขอจับมือ ถ่ายภาพกับเรา เต้นดุ๊กดิ๊กไปตามเพลง ด้วยท่าทางน่ารัก สนุกสนาน เราย่อมรู้สึกประทับใจ และทำให้รู้สึกว่าแบรนด์เข้าถึงได้ง่ายกว่าการให้พนักงานทั่วไปทำแบบนั้น ยิ่งถ้ามีการสร้างเรื่องราวให้ลูกค้าหรือผู้รับบริการรู้สึกมีส่วนร่วม เช่น มาสคอตตัวนี้มีความเป็นมาอย่างไร มีอุปนิสัยอย่างไร ก็จะทำให้คนรู้สึกว่าแบรนด์มีชีวิตและเป็นมิตรกับเขา
- บ่งบอกตัวตนขององค์กร
การออกแบบที่ดี จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจหน้าที่ การทำงาน รวมทั้งบุคลิกขององค์กรนั้นได้ในทันที ผ่านทางรูปร่างหน้าตา สี การเคลื่อนไหวของตัวมาสคอต เช่น มาสคอตของมิชลินที่ออกแบบมาจากยางวางซ้อนกัน
- นำไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ได้สารพัดรูปแบบ
การสร้างมาสคอตเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะสามารถนำไปใช้ในการสื่อสารแบรนด์ได้สารพัดรูปแบบ ตั้งแต่หน้าร้าน การตกแต่งร้าน แคมเปญประชาสัมพันธ์ โปรโมชัน ของที่ระลึก กิจกรรมของพนักงาน ไปจนถึงการสื่อสารในโลกออนไลน์ เช่น มีสติกเกอร์ไลน์ หรือทำให้มาสคอตมีบทบาทเป็นแอดมิน เช่น บาร์บีกอน จะทำหน้าที่ตอบคำถามแฟนเพจ
อย่างไรก็ตาม การใช้มาสคอตให้ประสบความสำเร็จสูงสุดต้องมีกลยุทธ์ที่ดี เรามาเรียนรู้ และศึกษาแนวทางของแบรนด์สำคัญ ๆ ที่น่าสนใจดีกว่า
มาสคอตระดับโลก วางกลยุทธ์กันอย่างไร
เราอยากหยิบมาสคอตระดับโลก 2 ตัวมาถ่ายทอดกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ให้ฟัง ตัวแรกเป็นมาสคอตเก่าแก่ที่ประสบความสำเร็จมายาวนาน ส่วนอีกตัวเป็นมาสคอตซึ่งอายุใกล้ครบ 10 ขวบ และกำลังโด่งดังไปทั่วภูมิภาคเอเชีย แถมด้วยมาสคอตไทยอีก 1 ตัว ที่เป็นกรณีศึกษาน่าสนใจ
- บีเบนดัม : ยิ่งใช้ซ้ำ คนยิ่งจำได้
หากพูดถึง ‘บีเบนดัม’ แล้วหลายคนอาจนึกไม่ออก แต่ถ้าพูดว่า ‘มิชลินแมน’ รับรองว่าต้องร้องอ๋อ
เพราะเจ้ายางรถสีขาวตัวอ้วนนี้เป็นโลโก้ประจำของแบรนด์มิชลิน มานานกว่า 120 ปี จุดเริ่มต้นของบีเบนดัม เกิดจากความบังเอิญ เมื่อครั้งที่สองพี่น้องตระกูลมิชลินเดินทางไปออกงานแสดงสินค้าที่เมืองลียง น้องชายนามว่า เอดูอาร์ด ได้นำยางรถยนต์มาวางซ้อนกันในแนวตั้งและเห็นว่ายางที่กองรวมกันอยู่นั้นมีรูปร่างคล้ายหุ่นตัวอ้วนกลมจึงเขียนข้อความว่า ‘ช่วยเติมแขนขาให้ผมดูเหมือนมนุษย์หน่อย’ หลังจากนั้นอีก 4 ปี พี่ชาย อองเดร ไปเห็นภาพสเกต์ห่วงยางเวอร์ชั่นเติมแขนขาจากศิลปินฝรั่งเศสคนหนึ่ง พอเห็นก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที เลยขอรับเจ้าตัวบีเบนดั้ม มาเป็นสัญลักษณ์บริษัท ตั้งแต่ปี 1989
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักเจ้าห่วงยางสีขาว เกิดขึ้นในปี 1900 ที่ยางมิชลินมียอดขายที่ไม่กระเตื้อง สองพี่น้องจึงคิดวิธีกระตุ้นยอดขายยางด้วยการออกหนังสือ คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ (Michelin Guide) แนะนำร้านอาหารให้คนเดินทางไปชิมอาหารรสเลิศ ยิ่งคนเดินทางไกลยิ่งขายยางรถยนต์ได้มากขึ้น
และพวกเขาไม่ลืมที่จะนำ บีเบนดัม มายกนิ้วเป็นสัญลักษณ์การันตีความอร่อย พร้อมทั้งให้ดาวร้านอาหารต่าง ๆ ซึ่งก็ทำให้ เจ้าหุ่นยางสีขาวเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางนับแต่นั้น
บีเบนดัม ปรากฎตัวตามโฆษณามิชลินในอิริยาบทต่าง ๆ เช่น ขี่มอเตอร์ไซค์ วิ่งไล่ยาง กางแผนที่ ช่วยทำให้มันดูมีชีวิตจริง ๆ นอกจากนี้ยังถูกนำไปต่อยอดตามงานอีเวนต์ กลายเป็นของสะสมที่แฟนต้องการ ในเมืองไทยเราจะเห็นคนขับรถบรรทุกนำตุ๊กตาบีเบนดัมไปประดับรถเต็มไปหมด
หัวใจของความสำเร็จ น่าจะอยู่ที่การนำมาใช้ในหลายรูปแบบเพื่อตอกย้ำให้คนจดจำได้มากขึ้น
- คุมะมง : ทำให้คนรักมาสคอต+เปิดให้ใช้ฟรี
อีกหนึ่งมาสคอสหนึ่งที่น่าสนใจ และโด่งดังไปทั่วเอเชีย คือ เจ้าหมีน้อย ‘คุมะมง’ แห่งเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น
ความจริงแล้ว คุมะมงเริ่มต้นมาจากการเป็นมาสคอตของจังหวัดในงานประชาสัมพันธ์เปิดเส้นทางการเดินรถไฟชิงกันเซ็งในคิวชู เมื่อเดือนมีนาคม 2010 จุดประสงค์เพื่อชวนให้คนแวะเวียนมาเที่ยวจังหวัดคูมาโมโตะที่มีปราสาทหลังโต มีภูเขาไฟ มีอาหารรสเด็ด มีออนเซน
แต่ทีมผู้สร้างได้ใส่ ‘จิตวิญญาณ’ ลงไปให้เจ้าหมีสีดำตัวนี้ด้วย โดยสร้างคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนให้มันคือเป็นหมีเด็กผู้ชาย เกิดวันที่ 12 มีนาคม นิสัยซ่า ซุกซน อยากรู้อยากเห็น ทำงานเป็นข้าราชการหัวหน้าฝ่ายการขาย และหัวหน้าฝ่ายกระจายความสุขของจังหวัด มีการตอกย้ำคาแรคเตอร์ถึงขั้นว่าทำนามบัตรให้โดยมีข้อความกวน ๆ อยู่ด้านหลังว่า “จริง ๆ แล้ว ผมอยากดังกว่าผู้ว่าฯ นะ”
ภารกิจหลักของคุมะมงคือการออกไปสร้างความสุขให้ชาวเมือง ทุกครั้งที่เดินสายไปพบปะผู้คน มันจะแซว หยอกล้อ เต้นหรือชวนคนอื่นเล่นเรียกเสียงหัวเราะ จนคนทั่วเมืองรักและรู้สึกว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่ง
ความสำเร็จของคุมะมง เห็นได้จากชาวคุมาโมโตะรู้สึกผูกพันกับมันมาก เมื่อปี 2016 ซึ่งเกิดเหตุแผ่นดินไหว คุมะมงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ออกงาน แต่ประชาชนกลับเรียกร้องอยากพบ คุมะมงจึงกลับมาในวันเด็ก ในบริเวณจุดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด เมื่อมันปรากฏตัวผู้คนทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่างเข้าไปรุมกอด คนชราหลายคนร้องไห้ ขอบคุณที่ทำให้พวกเขาลืมความทุกข์ และมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป
นอกจากนี้ ทางจังหวัดยังวางกลยุทธ์เพื่อให้คุมะมงเป็นที่รู้จักในวงกว้างที่สุด โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนในญี่ปุ่นสามารถนำคาแรกเตอร์นี้ไปใช้ได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งต่างจากคาแรกเตอร์ท้องถิ่นทั่วไปที่มักอนุญาตให้ใช้เฉพาะหน่วยงานเท่านั้น ด้วยความน่ารัก ขี้เล่น จำง่าย จึงมีคนมาขออนุญาตใช้งานคุมะมงประมาณ 30,000 รายการกระจายไปทั่วญี่ปุ่น รวมทั้งไปร่วมมือกับสินค้าชื่อดัง ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวคาแรกเตอร์อีกทางหนึ่งด้วย เช่น รถโมเดลของทามิยะ จักรยานยนต์ Honda กล้อง Leica รวมถึง รถ BMW
ด้วยการสร้างมาสคอตให้เป็นที่รัก พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ในการทำให้คนได้รู้จักในวงกว้าง ไม่แปลกเลยที่ คุมะมง จะครองอันดับ 1 คาแรกเตอร์ในดวงใจของชาวญี่ปุ่นติดต่อกันหลายปี เหนือคาแรกเตอร์คลาสสิกอย่าง โตโตโระ, มิกกี้เมาส์และผองเพื่อน หรือแม้แต่โดราเอมอน ที่สำคัญยังสามารถสร้างรายได้เข้าจังหวัดคูมาโมโตะเมื่อปี 2561 มากถึง 1.5 แสนล้านเยน และมีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
- บาร์บีกอน : สร้างเรื่องราวอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามองย้อนกลับมาที่เมืองไทย หนึ่งในมาสคอตที่น่าสนใจคือ ‘บาร์บีกอน’ ของ บาร์บีคิว พลาซ่า พวกเขาเลือกใช้เจ้ามังกรเขียว สื่อสารแบรนด์มานานกว่า 20 ปี ทำให้หลาย ๆ คนเรียกร้านอาหารแห่งนี้ว่า บาร์บีกอน
ในวาระครบรอบ 30 ปีของบริษัท มีการปรับรูปโฉมมาสคอตให้ทันสมัยและน่ารักมากขึ้นกว่าเดิม โดยยอมลงทุนจ้างบริษัทญี่ปุ่นที่ออกแบบคุมะมงมาช่วยดูแลให้ ที่สำคัญคือมีการสร้างเรื่องราวของบาร์บีกอนออกมาเป็นคลิปโฆษณาไวรัลและแคมเปญต่าง ๆ เพื่อให้คนรู้สึกว่ามันมีชีวิตจริง ๆ เช่น โฆษณาบาร์บีกอนร้องไห้หลังถูกเรียกไปตำหนิแบบยกแผงเพราะทำงานบกพร่อง, เสี่ยเส็งลักพาตัวบาร์บีกอนจากหน้าร้านไปทรมานด้วยสารพัดวิธี ก่อนเฉลยว่าเป็นการเรียกเก็บมาสคอตตัวเก่าเพื่อเปลี่ยนเป็นบาร์บีกอนโฉมใหม่ หนังโฆษณา The Secret Tale ‘เรื่องเล่ามังกรเฝ้าร้าน’ เล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของบาร์บีกอน รวมทั้งทำแคมเปญ ‘ล่าไข่บาร์บีกอน’ ที่ให้ลูกค้าได้ลุ้นของสมนาคุณเมื่อสั่งอาหารชุดที่กำหนด
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของการสร้างชุดมาสคอตใหม่ ที่ลดน้ำหนักของชุดจาก 12 กิโลกกรัมเหลือเพียง 6 กิโลกรัม เรื่องราวอวัยว่าส่วนต่างๆ ของบาร์บีกอน ที่ทำหน้าที่หาของอร่อยมาให้คนกิน ฯลฯ
จะเห็นได้ว่าทิศทางการสื่อสารทั้งหมดเกิดขึ้นโดยมีมาสคอตเป็นศูนย์กลาง ความน่ารักและเรื่องราวของมันที่นำเสนออย่างต่อเนื่องก็ทำให้ลูกค้าและพนักงานรู้สึกว่ามาสคอตตัวนี้มีชีวิตและเป็นเพื่อนของเขาจริง ๆ การทำการตลาดครั้งนี้จึงเกิดกระแสโด่งดัง และทำให้ธุรกิจกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง
‘MEA เจิดจ้า’ มาสคอตน้องใหม่ของการไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้านครหลวงหรือ MEA เป็นองค์กรที่ดูแลและให้บริการพลังงานไฟฟ้าในมหานครมาอย่างยาวนาน จึงมีความคิดที่จะสร้างมาสคอตเพื่อช่วยสื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับประชาชนด้วยความรู้สึกที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทำให้เกิด MEA Brand Mascot ในนาม MEA เจิดจ้า
เรื่องราวของมอนสเตอร์สีส้ม แสนซุกซน ปล่อยพลังงานแห่งความสุข
ในขณะที่มาสคอตตัวอื่น ๆ ทั่วโลก มีเรื่องราวที่มา ‘MEA เจิดจ้า’ ก็มีเหมือนกัน มอนสเตอร์พลังไฟฟ้าตัวนี้เกิดจากประจุไฟฟ้าที่ไหลมาจากทุกแหล่งผลิต ตั้งแต่ พ.ศ. 2501 สะสมพลังงานจากประจุไฟฟ้าตัวเล็ก ๆ จนเป็นมวลพลังงานไฟฟ้า อาศัยอยู่ภายในสถานีไฟฟ้า MEA และในองค์กรโดยไม่มีใครเคยพบเห็น
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อทีมวิศวกรของ MEA จ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านสายไฟฟ้าใต้ดิน พลังไฟฟ้ามหาศาลไปกระตุ้นประจุในตัวเจ้ามอนสเตอร์ที่แอบซ่อนอยู่ภายในอุโมงค์ มันจึงปรากฏกายและเปล่งแสงปล่อยพลังงานไฟฟ้าขนาดมหึมาแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่ แสงสีส้มเจิดจ้านั้นเป็นพลังแห่งความสุข เมื่อไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของพี่ ๆ MEA ที่ปฏิบัติงานอยู่ในบริเวณนั้น ก็เกิดเป็นพลังกาย พลังใจ... และนี่คือการพบกันครั้งแรก
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา น้อง MEA เจิดจ้า ก็อยู่เคียงข้างพี่ ๆ พนักงานการไฟฟ้านครหลวงมาโดยตลอด ด้วยนิสัยน่ารัก ซุกซน คอยดูแล ช่วยเหลือ สร้างพลังบวกให้ ในที่สุดความสามารถก็เข้าตา MEA จึงตัดสินใจรับเข้ามาทำงานในตำแหน่ง MEA Brand mascot
‘MEA เจิดจ้า’ ชื่อนี้มีที่มา
ชื่อของเจ้ามอนสเตอร์แสนน่ารักตัวนี้เกิดจากเพื่อนพนักงาน MEA ทุกคนร่วมกันเสนอและช่วยกันโหวต ในที่สุดก็ได้ชื่อ ‘MEA เจิดจ้า’ ที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุด
‘MEA เจิดจ้า’ นอกจากมีความหมายตรงตัวว่าสว่างไสว ยังสื่อถึงพลังความคิดสร้างสรรค์ และมีความหมายแฝงถึงความรุ่งเรืองขององค์กรอีกด้วย
สามารถชมประวัติน้อง MEA เจิดจ้า ได้ที่ YouTube: MEA Multimedia คลิก
หรือวารสารประกาย ฉบับที่ 134 คลิก
หน้าที่การงานของ ‘MEA เจิดจ้า’
เพื่อให้ MEA เจิดจ้า เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เหมือนกับมาสคอตที่ประสบความสำเร็จตัวอื่น ๆ จึงอยากให้เพื่อนพนักงาน MEA ช่วยกันสนับสนุนให้มอนสเตอร์สีส้มตัวนี้ได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยนำ MEA เจิดจ้า ไปใช้ตามกรอบหลักการใช้งาน ดังนี้
- นำไปร่วมกิจกรรมในฐานะผู้ใช้พลังงานดูแลสร้างความสุขให้กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นงานกิจกรรมต่าง ๆ น้องเจิดจ้าพร้อมไปร่วมสร้างสีสัน และมอบความสุขสนุกสนาน สามารถเรียกใช้ได้เลย อย่างที่ผ่านมาก็ไปร่วมงานวันเด็ก “MEA PLAY เพลินปาร์ค” มาแล้ว เพื่อสร้างความเป็นมิตรกับผู้คน/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- ใช้เป็นตัวกลางเชื่อมโยงการสื่อสารระหว่าง MEA กับประชาชนในทุกงานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร สามารถนำน้องเจิดจ้าไปใช้ได้ แต่อย่าลืมว่าน้องมีนิสัยขี้เล่น ฉลาดเฉลียว คอยส่งพลังบวกให้กับทุกคน เมื่อเรียกใช้แล้ว อย่าลืมรักษาคาแรกเตอร์ของน้องด้วย เพื่อสร้างการจดจำที่ดี
- นำไปใช้ประกอบการ สื่อสารข้อมูล สาระประโยชน์การใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย รวมถึงงานบริการต่าง ๆ ที่ทันสมัยให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน หน้าที่นี้สำคัญที่สุด เพราะถ้าน้องเจิดจ้ามอบสิ่งดี ๆ ให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามากเท่าไร ก็จะได้ความรักกลับคืนมาสู่การไฟฟ้านครหลวงมากขึ้นเท่านั้น เพื่อบ่งบอกตัวตนของความเชี่ยวชาญด้านพลังงานและความปลอดภัย หรือการบริการที่ทันสมัย
สามารถดาว์โหลดน้อง MEA เจิดจ้า ไปใช้กันได้เลย คลิก
ข้อมูลประกอบการเขียน
-https://www.mea.or.th/content/detail/87/5194
- https://thestandard.co/gonmission/
-https://readthecloud.co/brand-michelin-guide-thailand/
-https://thepeople.co/bibendum-michelinstar2019/
-https://www.meldium.com/10-reasons-and-ways-a-mascot-can-help-your-marketing/
-https://facebook.com/story.php?story_fbid=608926726588660&id=399206660894002
-https://today.line.me/th/pc/article/5RWqmR
-https://www.krungsri.com/bank/th/plearn-plearn/character-marketing-japan.html
---------------
อ่าน "กระแส" บทความอื่น ๆ
14 จะรอวันนั้น... หรือจะเริ่มวันนี้
13 บทเรียน “น้ำประปาเค็ม” MEA พร้อมหรือยัง เตรียมรับมือ “ค่าไฟฟ้าหน้าร้อน”
12 COVID-19 “การรับผิดชอบต่อส่วนรวม” มีเดิมพันที่สูงกว่าเดิม
11 ฝ่าปีสุดโหด 2020 เตรียมรับ Trend โลกปี 2021
10 โจ ไบเดน: สุนทรพจน์หลังชนะเลือกตั้ง กับคำพูดที่ชวนให้คน MEA หันมามอง (เป้าหมาย) ตัวเอง
09 ถอดบทเรียนท่อก๊าซระเบิด - ความไวคือหัวใจ ให้ได้ใจในวิกฤต
08 ตกผลึกเหตุการณ์โรงเรียนชื่อดัง คน MEA ได้เรียนรู้อะไร
07 ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้... อยู่ที่ว่าใครรับมือได้ดีกว่ากัน บทเรียนล้ำค่าจากระบบ Garmin ล่ม
06 30 ปีแห่งการรอคอย เราควรเรียนรู้อะไร จากแชมป์ของลิเวอร์พูล
05 เชื่อหรือไม่? ชีวิตดิจิทัล เริ่มต้นที่ใจ
04 จัดทัพสู้! เรียนรู้จากสิ่งที่พลาด ถอดบทเรียนกรณีการบินไทย (ตอนที่ 2)
03 จัดทัพสู้! เรียนรู้จากสิ่งที่พลาด ถอดบทเรียนกรณีการบินไทย (ตอนที่ 1)
02 รัฐวิสาหกิจมั่นคงจริงหรือ? รวบรวมบทวิเคราะห์เพื่อการเรียนรู้ ถอดบทเรียนจากกรณีการบินไทย
01 MEA เจิดจ้า ท้าชนพี่ ๆ มาสคอตระดับโลก